19.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน CONDOR AIRLINES (DE) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
*** เที่ยวบินหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินเป็นผู้กำหนด ***
ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ป การจัดที่นั่งจะเป็นระบบ RANDOM ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน
ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบินเป็นผู้กำหนด
22.35 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยสายการบิน CONDOR AIRLINES (DE) เที่ยวบินที่ DE2363 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง 50 นาที)
05.25 น. ถึง สนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโลญจน์ (Cologne) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) หรือภาษาเยอรมนีเรียกว่า เคิล์น (Koeln) เมืองแห่งน้ำหอม และมหาวิหารอันงดงาม เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยชาวโรมัน ตั้งแต่สมัยปี 50 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเยอรมนี พร้อมทั้งได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของศิลปะ และวัฒนธรรมในเขตลุ่มแม่น้ำไรน์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านถ่ายภาพกับ มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นมหาวิหารที่ใหญ่และสูงในโลกในสมัยนั้น สร้างและตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ความสูง 157.38 เมตรเป็นแลนด์มาร์คแห่งเมืองโคโลญคู่กับสะพานโฮเอินซอลเลิร์นที่ทอดข้ามแม่น้ำไรน์ สร้างเพื่ออุทิศให้นักบุญปีเตอร์ และพระแม่มารี ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของหีบสามกษัตริย์อันล้ำค่า
อิสระให้ท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ณ The Schildergasse เขตทางเท้าใจกลางเมืองโคโลญจน์ และยังเป็นถนนช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดในทวีปยุโรป และยังถือว่าเป็นถนนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้วยเป็นแหล่งธุรกิจสำคัญนับตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก โรงแรมมาตรฐานยุโรป 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam) หรือฉายา "ไข่มุกแห่งซุยเดอร์ ซี" (The Pearl Of The Zuiderzee) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันมีเสน่ห์โวเลนดัมได้ดึงดูดบรรดาจิตรกรเอกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อย่างเรอนัวร์และปีกัสโซให้เดินทางมาที่นี่ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผลงานของพวกเขามาแล้ว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Amstel ซึ่งที่มาของชื่อเมือง มาจากการรวมชื่อของแม่น้ำเข้ากับคำว่า “Dam” ที่แปลว่าเขื่อน ความหมายรวมหมายถึงเมืองที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนของแม่น้ำอัมสเติล จนกลายมาเป็น Amsterdam ทำให้ถูกขนานนามว่า เวนิสแห่งทะเลเหนือ เมืองอัมสเตอร์ดัมแห่งนี้มีประวัติศาสตร์เริ่มต้นจากการเป็นหมู่บ้านชาวประมง ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ก่อนจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้า การเงิน และการเดินเรือที่สำคัญ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์ และขยายตัวออกไปอีกในศตวรรษที่ 19 และ 20 แต่ระบบคลองที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ยังได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดีจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การยูเนสโก
จากนั้นนำท่านชมการ สาธิตการเจียระไนเพชร (Coster Diamonds) อุตสาหกรรมการเจียระไนเพชรของเนเธอร์แลนด์ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ท่านสามารถเลือกซื้อกลับบ้านได้
นำท่านชม พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam) (บริเวณภายนอก) เป็นอาคารที่หรูหราและโอ่โถงที่สุดของประเทศเนเธอแลนด์ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยพระเจ้าหลุยส์ผู้ซึ่งเป็นพระอนุชาของจักรพรรดินโปเลียน ในอดีตอาคารนี้เคยมีบทบาทเป็นศาลาว่าการมาก่อน ปัจจุบันถูกใช้สำหรับกิจกรรมในพระราชสำนักและกิจกรรมระดับประเทศ แลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งของอัมสเตอร์ดัม
บริเวณใกล้กันจะเป็น จัตุรัสดามสแควร์ (Dam Square) สัญลักษณ์ของอัมสเตอร์ดัมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ โดยเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์แห่งชาติ เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นย่านที่รายล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่ เป็นศูนย์รวมห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ ทั้งยังเป็นสถานที่รวมตัวอันมีชีวิตชีวาไม่ว่าในโอกาสงานเฉลิมฉลองหรือการประท้วงต่างๆ ของอัมสเตอร์ดัม เดินถัดไปไม่ไกลจะเป็น Damrak เอกลักษณ์ของอัมเตอร์ดัมที่มีบ้านเรียงกันและหลังคาแต่จะหลังน่ารักๆ
ใกลักันนั้นท่านจะได้พบกับสถานที่ยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของเมืองอัมสเตอร์ดัมนั่นก็คือ ย่านโคมแดง (Red Light District) แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ผู้เยือนเมืองอัมสเตอร์ดัม ไม่ควรพลาด แสงสียามค่ำคืนและบรรยากาศของสาวงามตู้กระจกที่ให้บริการแบบถูกกฎหมายตลอดเส้นทาง และร้านค้าที่ขายอุปกรณ์ต่างๆ ทางเพศที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างอิสระ และไม่รู้สึกเคอะเขิน
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก โรงแรมมาตรฐานยุโรป 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านมุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse Schans) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอัมสเตอร์ดัม ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดัชต์ ที่ใช้กังหันลมกว่าร้อยแห่งในงานอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 โดยทำหน้าที่ผลิตน้ำมันจากดอกมัสตาร์ด กระดาษงานไม้ นอกจากนี้ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์เบอเกอรี่ชีสฟาร์ม นาฬิกา ร้านขายเครื่องกาแฟและชา โรงอบน้ำมัน (Oil Mill) และโรงงานทำรองเท้าไม้ที่อยู่คู่กับชาวดัชต์มาแต่โบราณ อิสระให้ท่านถ่ายภาพคู่กับสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ และเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่งโมง) เมืองท่าสำคัญที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเบลเยียมแห่งนี้ คือเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมเยือนกันไม่ขาดสาย เพราะเปี่ยมไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์กที่โดดเด่นไม่แพ้เมืองบรัสเซลส์หลายแห่ง และด้วยความที่เป็นเมืองท่า ทำให้ต้องมีการติดต่อค้าขายกับคนต่างชาติตลอดเวลา เกิดเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และแอนต์เวิร์ปยังถือตำแหน่งศูนย์กลางการค้าเพชรระดับโลก ควบเมืองไอคอนแฟชั่นสมัยใหม่ที่มีแบรนด์ดีไซเนอร์ระดับโลกมาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นี่มากมาย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม (Cathedral of Our Lady) (บริเวณภายนอก) เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ และสูงที่สุดในประเทศเบลเยียม อายุกว่า 169 ปี สร้างขึ้นระหว่างปี 1325-1521 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตัวโบสถ์ก็ได้รับการบูรณะปรับปรุงหลายครั้ง ในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไปทั้ง กอธิค, ฟื้นฟูศิลปวิทยา, บาร็อค ฯลฯ ทำให้โครงสร้างของโบสถ์มีเอกลักษณ์ และแง่มุมน่าเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมในศาสนาคริสต์หลายจุด โดยผู้อุปถัมภ์ของโบสถ์จะเป็นพระแม่มารี (Blessed Virgin Mary) ทำให้จะพบว่าการออกแบบพื้นที่ภายใน ตลอดจนงานศิลป์ทางศาสนาที่ประดับอยู่ที่โบสถ์จะเน้นไปที่การเคารพพระแม่มารีเป็นหลัก โดยบริเวณทางเข้าด้านหน้าเป็นประตูไม้ขนาดใหญ่ที่ประดับไปด้วยประติมากรรมแกะสลักอันตระการตา หอคอยด้านทิศเหนือมีความสูงถึง 123 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นตัวโบสถ์ได้จากระยะไกล ส่วนพื้นที่ด้านในโบสถ์อันโอ่โถงก็ได้รับการรังสรรค์อย่างละเอียดลออ นับเป็นโบสถ์ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่สุดหลังหนึ่งของประเทศเบลเยียม
ให้ท่านอิสระที่ จัตุรัสกลางเมืองแอนต์เวิร์ป (Grote Markt) ศูนย์กลางทางสถาปัตยกรรม การดำเนินงาน วัฒนธรรม ตลอดจนการใช้ชีวิตของคนในเมืองแห่งนี้ คือจัตุรัสทรงสามเหลี่ยมปูด้วยหิน ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำคัญที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ในสถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนซองส์ ที่ผสานไปกับวิธีคิดแบบเฟลมิชได้อย่างลงตัว และเป็นเอกลักษณ์ ทั้งศาลาว่าการเมือง หรือจะเป็นกิลด์ฮอลล์ (Guild Hall) กลุ่มอาคารทอดยาวต่อกัน 7 หลังที่ถูกใช้เป็นพื้นที่หลักในการพบปะสังสรรค์ และดำเนินงานสำคัญของกลุ่มกิลด์ สมาคมช่างฝีมือเก่าแก่ของประเทศ โดยความโดดเด่นของอาคารที่สังเกตได้ชัดเจนจะมีตั้งแต่หน้าจั่วที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตร บนหลังคาของอาคารหลายหลังยังมีรูปปั้นสีทองประดับเอาไว้อย่างสวยงาม และบริเวณกลางจัตุรัสกับประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของเมืองแอนต์เวิร์ปอย่าง รูปปั้นน้ำพุบราโว่ (Brabo Fountain) ที่สร้างขึ้นมาในปี 1887 ปัจจุบันจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ หลายงาน ทั้งตลาดคริสต์มาส หรือลานสเก็ตน้ำแข็งในฤดูหนาว และแวดล้อมไปด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่รอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปหาชิมหลายร้าน นับเป็นย่านที่มีความคึกคัก และเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เอาท์เลทแมคอาเธอร์ เกลน (McArthur Glen Outlet) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่งโมง) เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เน้นแบรนด์เนมในราคาสุดพิเศษจำนวนมากลดราคาสูงสุดถึง 70% แบรนด์ชั้นนำจากเกือบทั่วโลกมาให้เลือกซื้อเลือกช้อปกัน เช่น Gucci , Prada , Burberry, Stone Island , Valentino , Armani , boss , Michael Kors , Karl Lagerfeld , Benetton, Calvin Klein, Crocs , Guess, Lacoste, Diesel และอีกมากมาย
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก โรงแรมมาตรฐานยุโรป 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบรัสเซลส์ (Brussels) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย นอกจากนี้ ยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลตและเบียร์ที่ดีที่สุดในโลก และยังเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศอย่างคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (Council of the European Union) และสำนักงานใหญ่ของนาโต (NATO) จนถูกเรียกว่า ศูนย์กลางแห่งสหภาพยุโรป
นำท่านถ่ายรูปกับ อาคารอะโตเมียม (Atomium Building) อาคารรูปทรงแปลกตาที่ได้ต้นแบบมาจากโครงสร้างการเรียงตัวกันของอะตอมซึ่งได้รับการยอมรับในแวดวงวิทยาศาสตร์ว่ามีความสมมาตร และงดงาม คืออาคารที่เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จของเบลเยียมในการก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับต้นๆ ของโลก โดยอาคารอะโตเมียมเปิดตัวครั้งแรกในงานเอ็กซ์โปครั้งที่ 17 และกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ก้าวมาเป็นภาพจำสำคัญอีกแห่งของงานเวิลด์เอ็กซ์โป โดยปัจจุบันพื้นที่ภายในอาคารจะมีทั้งงานนิทรรศการ ร้านอาหาร จุดชมวิว ฯลฯ นับเป็นแลนด์มาร์กที่มีความล้ำหน้าทางสถาปัตยกรรมอยู่เสมอ แม้จะถูกสร้างมาแล้วกว่า 60 ปี
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ รูปปั้นเด็กชายกำลังฉี่ (Manneken Pis) ประติมากรรมที่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความเข้มแข็ง และสามัคคีของชาวบรัสเซลส์ มาตั้งแต่การรอดพ้นจากความเสียหายอย่างน่าอัศจรรย์ ในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1695 โดยปัจจุบันแมนเนเกน พิส ยังรับบทบาทเป็นทูตสันถวไมตรีผ่านอาภรณ์ตามประเพณีพื้นเมืองหรือตามเทศกาลสำคัญในหลากประเทศทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถหาชมคอลเลกชั่นเสื้อผ้าที่มีอยู่กว่า 1,000 ชุด ภายในพิพิธภัณฑ์เสื้อผ้าแมนเนเกน พิส ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันได้อีกด้วย
จากนั้นให้ท่านอิสระเดินเล่นย่าน จัตุรัสกรองด์ ปลาส (Grand-Place) จัดเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรป เป็นสถานที่ซึ่งเป็นจุดรวมของอาคารและสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเก่าเเก่เเบบบาร็อก โกธิก เเละนีโอโกธิก ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) เป็นสถาปัตยกรรมเก่าเเก่ เเละเป็นอาคารที่ถือว่างดงามมาก มีจุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆัง บริเวณใกล้กันให้ท่านอิสระที่ ศูนย์การค้าแกลเลอรี รอยัล แซ็ง อูแบร์ (Galeries Royales Saint Hubert) ศูนย์การค้าที่ถูกใช้เป็นพื้นที่สังสรรค์ ช้อปปิ้ง ให้ความบันเทิงแก่เหล่าบุคคลชั้นสูงของเมืองบรัสเซลส์ในสมัยศตวรรษที่ 19 แห่งนี้ คือโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ และประสบความสำเร็จที่สุดครั้งหนึ่งของเมือง โดยได้รับการออกแบบอย่างงดงามในสถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ฯลฯ ที่ตั้งอยู่กับศูนย์การค้ามาตั้งแต่แรกเริ่ม และแทรกไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังประปราย โดยปัจจุบันศูนย์การค้าแห่งนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งรวมความบันเทิงยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมซึ่งสามารถมาสัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวบรัสเซลส์ที่สะท้อนอยู่ในทุกอณูของศูนย์การค้า
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ ประเทศลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ด้วยพื้นที่เพียง 2,586 ตารางกิโลเมตรจึงทำให้ลักเซมเบิร์กเป็นรัฐอธิปไตยที่เล็กที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป
นำท่านชม มหาวิหาร Notre Dame Cathedral เป็นมหาวิหารชื่อดังของ ลักเซมเบิร์ก ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยวิหารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกผสมเรอเนซองส์ที่สวยที่สุดเมื่อเทียบกับมหาวิหารที่สร้างขึ้นแบบฝรั่งเศส มีจุดเด่นเป็นยอดแหลมสูง 3 ยอด สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ด้วยเอกลักษณ์และความงดงามที่ทำให้โบสถ์แห่งนี้แตกต่างจากมหาวิหารทั่วไป ส่งผลให้ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้กลายอีกหนึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของลักเซมเบิร์กที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยือน
จากนั้นให้ท่านอิสระเดินเล่นชม เมืองเก่าของลักเซมเบิร์ก เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก โรงแรมมาตรฐานยุโรป 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองสตราสบูร์ก(Strasbourg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) ของประเทศฝรั่งเศส และยังเป็นได้รับการยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโกเมืองซึ่งผสมผสาน 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากในอดีตถูกผลัดเปลี่ยนอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรสำคัญของยุโรป อาทิ สภายุโรป องค์กรสิทธิมนุษยชน และศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ที่นี่ยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยดังชั้นนำที่เกอร์เธ (Goethe) นักเขียนชาวเยอรมันเคยศึกษาอยู่
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
นำท่านชม จัตุรัสเกลแบร์ (Place Kléber) เป็น จัตุรัสกลางเมือง ที่ใหญ่ที่สุดของสตราสบูร์ก ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้าของเมืองโดยตั้งชื่อตามนายพล Jean-Baptiste Kléber นักปฏิวัติชาวฝรั่งเศสซึ่งเกิดที่เมืองสตราสบูร์กในปี 1753 ลักษณะเป็นลานกว้างที่เต็มไปด้วยตึกอาคารโบราณที่สวยงาม บริเวณรอบๆจะประกอบไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านเบเกอรี่ขนมปัง, ร้านขายดอกไม้, ตลอดจนร้านขายเสื้อผ้า และอื่นๆอีกมากมาย ในวันหยุดหรือช่วงเทศกาลต่างๆที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้ก็มักจะใช้เป็นเป็นที่จัดกิจกรรมอยู่เสมอ ที่ยิ่งใหญ่และโด่งดังก็คือ งานวันคริสต์มาสของทุกปี โดยจะมีต้นสนคริสต์มาสขนาดใหญ่อลังการซึ่งมีความสูงถึง 30 เมตรมาตั้งอยู่บริเวณใจกลางจัตุรัส
Place Kleber ถือเป็นสถานที่จัดงานคริสต์มาสแบบดั้งเดิมและเก่าแก่ที่สุดในยุโรป ซึ่งจัดกันมานานหลายศตวรรษจนโด่งดัง อันเป็นที่มาของฉายา “เมืองหลวงแห่งคริสต์มาส”
จากนั้นเดินไปไม่ไกลนัก ท่านจะได้เห็น เปอร์ติต ฟรองซ์ (La Petite France) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Little France” อยู่ถัดจากบริเวณสะพาน Ponts Couverts บนเกาะใหญ่ กร็องดีล (Grande Île ) พื้นที่ในบริเวณนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุหลายร้อยปี มีอาคารบ้านเรือนจากยุคกลางสไตล์เยอรมันที่เรียกว่า Half-Timbered สีสันสดใสเรียงรายอยู่ริมน้ำดูน่ารักเหมือนบ้านในนิทานเด็ก ตามตรอกซอกซอยมีร้านอาหาร ร้านกาแฟที่อร่อยตั้งอยู่มากมาย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองเก่าแก่อายุนับพันปีของเยอรมนี เมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในเยอรมนี อาคารบ้านเรือนสีน้ำตาลแดงที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำเน็คคาร์ Neckar เมืองนี้ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของแฟรงก์เฟิร์ต
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก โรงแรมมาตรฐานยุโรป 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ถนนสายหลักของเมือง Hauptstrasse ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารตลอดทั้งเส้นทาง ผ่านชมหอนาฬิกาของโบสถ์ Providenzkirche จากนั้นเข้าสู่ Marktplatz จัตุรัสที่เป็นที่ตั้งของโบสถ์ Heiliggeistkirche หรือโบสถ์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เดิมเคยเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างด้วยรูปแบบ Gothic แต่สงครามฝรั่งเศสในปี 1709 โบสถ์นี้ได้รับความเสียหาย จึงมีการสร้างขึ้นใหม่ในแบบบารอค ปัจจุบันได้เปลี่ยนจากนิกายคาทอลิก เป็นโปรเตสแตนต์อย่างเต็มอิสระท่านเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย หรือท่านสามารถเดินมาถ่ายรูปเมืองบริเวณสะพาน ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปที่สามารถมองเห็นปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Schloss Heidelberg) เป็นปราสาทเก่าแก่ในเมืองไฮเดลเบิร์ก ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มองเห็นวิวเมือง ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการและได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นปราสาทในช่วงปี ค.ศ.1398
นำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมน์ (Main river) ศูนย์กลางทางการเงินของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป มีตึกระฟ้าอยู่มากมาย ซึ่งในปี 2004 เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ได้กลายเป็นเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดถึง 10 ตึก ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของโลก รองเพียงเมืองปารีสเท่านั้น
เข้าสู่ย่านเมืองเก่านครแฟรงค์เฟิร์ต ถ่ายภาพ ณ จัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุด อีกทั้งด้านข้างยังมี ศาลาว่าการเมือง (The Romer) หรือ Frankfurt City Hall และ มหาวิหารแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Cathedral) โดยมีอีกชื่อนึงว่า “มหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิว” มหาวิหารแห่งนี้นับว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ที่มีความสูง 95 เมตร มหาวิหารแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นดั่งศูนย์รวมใจของคนในชาติเยอรมนี และนับเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมือง
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
นำท่านชม สะพานไอเซิร์นเนอร์เสต็ก (Eiserner Steg) สะพานคนเดินอันเก่าแก่ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ตที่ทอดข้ามแม่น้ำไมน์ (Main River) เชื่อมพื้นที่ระหว่างบริเวณศูนย์กลางเมืองและพื้นที่ริมแม่น้ำฝั่งใต้เข้าไว้ด้วยกัน เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำที่มีทัศนียภาพอันงดงาม และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการคล้องกุญแจแห่งความรักที่บริเวณรั้วด้านข้างของสะพานอีกด้วย
จากนั้นให้ท่านอิสระ ช้อปปิ้ง ณ ถนนซายล์ (Zeil Street) ย่านช้อปปิ้งเก่าแก่และคึกคักที่สุดของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ตั้งอยู่ริมถนนซายล์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่สำคัญในประเทศเยอรมนี ถือว่าเป็นถนนยาวที่สุดของประเทศ มีสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายนี้ เต็มไปด้วยร้านบูติกเล็กๆ เครื่องประดับโบราณ เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านขายของเฟอร์นิเจอร์ และห้างสรรพสินค้าต่างๆ มากมาย หรือเรียกได้ว่าเป็น The Fifth Avenue ของเยอรมัน
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt)
19.30 น. ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยสายการบิน CONDOR AIRLINES (DE) เที่ยวบินที่ DE2362 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง 50 นาที)
12.20 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
30 ธ.ค. 67 - 06 ม.ค. 68 | 69,888 บาท | 15,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ชั้นประหยัด พร้อมคณะ รวมค่าภาษีสนามบิน และค่าภาษีน้ำมัน
ค่าน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระท่านละ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม จำนวน 1 ใบ และถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม
ค่ารถนำเที่ยวตามเส้นทางที่ระบุไว้ในโปรแกรมทัวร์ พร้อมคนขับรถ (กฎหมายไม่อนุญาตให้ขับรถเกิน 12 ช.ม./วัน)
โรงแรมที่พักตามระบุในรายการ หรือ เทียบเท่าในระดับเดียวกัน (ห้องละ 2 ท่าน)
ค่าอาหารและค่าเข้าชม ตามที่ระบุในรายการ
ค่ามัคคุเทศก์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยวคอยบริการและอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง วงเงินท่านละ 1,000,000 บาท (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
ค่าธรรมเนียมวีซ่ายุโรปหรือกลุ่มเชงเก้นวีซ่าและค่าบริการของศูนย์ยื่นวีซ่า โดยประมาณ 4,500-6,000 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนที่ทางสถานทูตกำหนด และไม่รวมค่าบริการยื่นวีซ่าของเจ้าหน้าที่ท่านละ 500 บาท *ชำระกับเจ้าหน้าที่วีซ่า ณ วันยื่น* ทั้งนี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมวีซ่าคิวพิเศษอื่นๆ (การชำระค่าวีซ่าตามจริง เป็นวิธีประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เราได้เลือกสรรค์สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดให้ท่านแล้ว)
กรณีลูกค้าไม่สะดวกไปตามวันยื่นวีซ่าที่บริษัทกำหนด และต้องทำคิววีซ่าแยก ลูกค้าต้องชำระเงินในส่วนค่าบริการของศูนย์ยื่นวีซ่าก่อน เนื่องจากทางศูนย์ยื่นวีซ่าออกกฎใหม่ ต้องชำระค่าบริการทันทีในวันที่ทำการจองคิว ทั้งนี้หากจองแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนวัน เปลี่ยนเวลา และไม่สามารถเรียกคืนค่าบริการได้
ค่าธรรมเนียมน้ำมัน และภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้น
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าทำหนังสือเดินทาง , ค่าโทรศัพท์ , ค่าอินเตอร์เน็ต , ค่าซักรีด , มินิบาร์ในห้องพัก , ค่ากระเป๋าเดินทางหากเกิดการชำรุดหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง , ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว รวมถึงค่าอาหารพิเศษนอกเหนือจากที่ทางทัวร์กำหนด หรือการรีเควสอาหารพิเศษต่างๆ เช่น อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ อาหารอิสลาม อาหารทะเล เป็นต้น
ค่าน้ำหนักกระเป๋าส่วนเกินจากที่ทางสายการบินกำหนด
ค่าจ้างของคนขับรถท้องถิ่น ท่านละ 3,500 บาท ชำระที่สนามบิน ณ วันเดินทาง
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ (ตามมาตรฐานการให้ทิปวันละ 100 บาท/ท่าน/วัน)
**ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการบังคับ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน ในการบริการของหัวหน้าทัวร์**
ค่าพนักงานยกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก (ทางบริษัทฯ ไม่ได้จัดให้แก่ท่านเนื่องจากป้องกันการสูญหายจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในโรงแรมที่พักและเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้าห้องพักสำหรับทุกท่าน)
ค่าตรวจ RT-PCR TEST (ถ้ามี)
เงื่อนไขโรงแรมที่พัก
ห้องพักโดยปกติจะสามารถพักได้ห้องละ 2 ท่าน
กรณีลูกค้าต้องการเข้าพัก 3 ท่าน อาจจะได้เป็น 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเสริมแบบพับ หรือ SOFA BED แต่หากในวันที่เข้าพักโรงแรมนั้นไม่มีห้องสำหรับ 3 ท่าน จำเป็นต้องแยกห้องพัก เป็น... พัก 2 ท่าน 1 ห้อง และ พักเดี่ยว 1 ห้อง ไม่ว่ากรณีใดใด ผู้เข้าพักจะต้องชำระค่าห้องพักเดี่ยวเพิ่ม (ซึ่งจะทราบก่อนเดินทางประมาณ 3-5 วัน)
สำหรับห้องพักเดี่ยว (พักท่านเดียว) ห้องอาจมีขนาดเล็ก และไม่สามารถระบุประเภทของเตียงได้ ขึ้นอยู่กับทางโรงแรมเป็นจัด
โรงแรมที่พักส่วนใหญ่จะไม่มีเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศจะหนาวเย็นเกือบทั้งปี
โรงแรมที่พักส่วนใหญ่ ห้องพักจะมีขนาดเล็กกะทัดรัด ไม่มีอ่างอาบน้ำ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของโรงแรมนั้นๆ แต่ละห้องอาจมีขนาดและการตกแต่งในลักษณะที่แตกต่างกัน
โรงแรมจะมีการวางผังห้องพักแต่ละประเภทแตกต่างกัน จึงทำให้ห้องพักแต่ละประเภทนั้นไม่ได้อยู่ติดกันหรืออยู่คนละชั้น หากลูกค้าต้องการห้องติดกัน อาจจะไม่ได้ในรูปแบบห้องพักที่ท่านต้องการ
กรณีห้องพัก ตามในเมืองที่ระบุไว้ในโปรแกรม มีเทศกาลวันหยุด หรืองานแฟร์ต่างๆ หรือมีการจัดงานประชุมนานาชาติ เป็นผลทำให้ห้องพักในเมืองนั้นเต็ม หรือไม่เพียงพอ ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองอื่นแทน
เงื่อนไขการจอง
1. การชำระค่าบริการ
กรุณาชำระค่ามัดจำทัวร์ท่านละ 40,000 บาท ภายใน 2 วัน หลังจากที่นั่งได้รับการคอนเฟิร์ม (พร้อมส่งหน้าพาสปอร์ต และ แบบฟอร์มข้อมูลกรอกยื่นวีซ่า) หากไม่ชำระเงินตามที่บริษัทกำหนด ขออนุญาตตัดที่นั่งเพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นที่รอที่นั่งอยู่โดยอัตโนมัติ
**สำคัญ** สำเนาหน้าพาสปอร์ตผู้เดินทาง (จะต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน นับจากวันเดินทางกลับ และจำนวนหน้าหนังสือเดินทางต้องเหลือว่างสำหรับติดวีซ่าไม่ต่ำกว่า 3 หน้า) **กรุณาตรวจสอบก่อนส่งให้บริษัท ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบกรณีพาสปอร์ตหมดอายุ**
กรุณาชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ ก่อนเดินทางอย่างน้อย 35 วัน หากท่านไม่ชำระเงินหรือไม่ชำระเงินตามกำหนดให้ถือว่าท่านสละสิทธิในการเดินทางนั้นๆ (กรณีที่บริษัทต้องทำการออกตั๋วเครื่องบิน แต่หากวีซ่าออกใกล้วันเดินทาง ท่านจำเป็นต้องชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือตามวันที่ทางบริษัทกำหนดเท่านั้น)
2. หากลูกค้าต้องจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ รถโดยสารภายในประเทศ หรือรถไฟ กรุณาแจ้งและสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของบริษัททราบก่อนจองทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นบริษัทจะไม่รับผิดชอบทุกกรณีหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ